ตลาดโพรไบโอติกกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยคุณสมบัติที่ครอบคลุมทั้งการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมสุขภาพจิต สะท้อนให้เห็นจากมูลค่าตลาดโพรไบโอติกทั่วโลกในปี 2566 ที่สูงถึง 87.70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ย 14.1% ต่อปี ในช่วงปี 2566-2573 สำหรับประเทศไทย ตลาดโพรไบโอติกมีมูลค่าประมาณ 4.1 พันล้านบาทต่อปี คาดว่าจะเติบโต 12.21% ต่อปี มูลค่าสูงถึง 9.1 พันล้านบาท ในปี 2569 สอดคล้องกับจำนวนประชากรสูงอายุที่จะเพิ่มเป็น13 ล้านคน ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น
สำหรับการเติบโตตลาดโพรไบโอติกเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์มะเร็งลำไส้ในประเทศไทยกำลังน่าวิตกอย่างยิ่ง โดยข้อมูลจาก Thaihealth Watch ชี้ให้เห็นว่าอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ของคนไทยเพิ่มขึ้นถึง 2.4 เท่าในช่วง 10 ปี โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดถึง 15 คนต่อประชากร 100,000 คน นอกจากนี้ ปัญหาสุขภาพลำไส้อื่นๆ อย่างโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) และกรดไหลย้อนก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการกินและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต โรงพยาบาลวิมุตจึงร่วมมือกับ AMILI บริษัทวิจัยด้านไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหารแห่งแรกในเอเชีย ซึ่งมีฐานข้อมูลไมโครไบโอมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เพื่อพัฒนาโพรไบโอติกที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันสำหรับคนเอเชียโดยเฉพาะ

“ลำไส้ถือเป็นอวัยวะที่มักถูกมองข้ามเมื่อเทียบกับสมอง หัวใจ ตับ และปอด แต่จริงๆ แล้ว ลำไส้มีบทบาทสำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกว่า 70% อยู่ภายในลำไส้ นอกจากนี้ ภายในลำไส้ยังมีจุลินทรีย์นับล้านล้านตัวที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับสมองผ่าน ‘แกนลำไส้-สมอง’ (Gut-Brain Axis) ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ ความเครียด และคุณภาพการนอนหลับ หากระบบทางเดินอาหารขาดสมดุล อาจนำไปสู่อาการเหนื่อยล้า ขาดสมาธิ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงได้
AMILI Probiotics จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยความเข้าใจโดยใช้ฐานข้อมูลไมโครไบโอม จากการศึกษาประชากรเอเชียกว่า 100,000 ตัวอย่าง ผ่านเทคโนโลยีการวิเคราะห์ระดับโมเลกุลเพื่อช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนไทยในระยะยาว
เจเรมี ลิมป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง AMILI บริษัทวิจัยด้านไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหารแห่งแรกในเอเชีย จากประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า ความร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุตในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานนวัตกรรมด้านไมโครไบโอมในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ด้วยฐานข้อมูลไมโครไบโอมขนาดใหญ่ที่รวบรวมจากการศึกษาทางชีววิทยาระดับสูง เราสามารถเข้าใจความหลากหลายของจุลินทรีย์ในลำไส้ของชาวไทยและชาวเอเชียได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพสูง AMILI ยังตั้งเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในระยะยาว ผ่านการวิจัยและพัฒนาที่ต่อเนื่อง ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพลำไส้ ไปจนถึงการให้คำแนะนำด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ดีในด้านสุขภาพของประชากรไทยและชาวเอเชีย
AMILI Probiotics วิจัยและพัฒนาร่วมกับทีมแพทย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ด้วยเทคโนโลยีแคปซูลที่มีอัตราการปลดปล่อยแบบควบคุม พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพระยะยาวด้วย CFU ที่สูงขึ้นถึง 400% ผลิตภัณฑ์แบ่งออกเป็น 3 สูตรหลักที่ได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงความแตกต่างทั้งด้านพันธุกรรม พฤติกรรมการบริโภค และสภาพแวดล้อมของชาวเอเชีย ประกอบด้วย
1 MindPro ที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้และระบบประสาท เพิ่มคุณภาพการนอนและลดความเครียด
2 ImmuPro ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและซ่อมแซมเซลล์
3 BalancePro ที่ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด พร้อมส่งเสริมการทำงานของตับ
