back to top

กะโหลกศีรษะไทเทเนียมฝีมือคนไทย ลดติดเชื้อเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย 

รู้หรือไม่ว่าแผ่นปิดกะโหลกศีรษะเฉพาะบุคคลผลิตจากโลหะไทเทเนียมด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ ฝีมือคนไทยได้ผลิตและนำออกมาใช้งานแล้วจากเดิมต้องนำเข้าทั้งหมด เกิดขึ้นภายหลังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ส่งเสริมนำนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยมาให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเปิดตลาดภาครัฐให้กับผู้ประกอบการไทย เป็นการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ส่งเสริมการเติบโตของผู้ประกอบการไทย ทั้งช่วยประเทศลดการนำเข้า และประหยัดค่าใช้จ่าย  

ผศ.ดร. เชษฐา พันธ์เครือบุตร อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโลหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ เป็น CTO (Chief Technology Officer) บริษัท เมติคูลี่ จำกัด บริษัทสตาร์ทอัพ ที่ได้รับการสนับสนุนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผศ.ดร. เชษฐา เป็นหนึ่งในคณาจารย์ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทฯ เพื่อผลิตแผ่นปิดกะโหลกศีรษะเฉพาะบุคคลไทเทเนียมฝีมือคนไทย

ผศ.ดร. เชษฐา พันธ์เครือบุตร

แผ่นปิดกะโหลกศีรษะเฉพาะบุคคลผลิตจากโลหะไทเทเนียมสำหรับใช้กับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องผ่าตัดสมองและไม่สามารถใช้กะโหลกเดิมในการปิดศีรษะ ทั้งจากอุบัติเหตุ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) กระดูกผิดรูปแต่กำเนิด เนื้องอก เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้การผ่าตัดกะโหลกศีรษะ แพทย์จะใช้ปูนปลาสเตอร์ผงนำเข้าจากสหรัฐ และนำมาปั้นขึ้นรูป ซึ่งบางครั้งก็ปั้นไม่พอดีกับผู้ป่วย และพบการติดเชื้อประมาณ 10-15% ปัจจุบันมีการพัฒนาใช้แผ่นปิดกะโหลกสำเร็จรูปที่ทำจากวัสดุโพลิเมอร์ (Polymethylmethacrylate : PMMA) แต่มีจุดอ่อนในเรื่องความแข็งแรงทนทาน รอยต่อระหว่างกะโหลกจริงและกะโหลกเทียม

เราจึงมีการคิดค้นแผ่นปิดกะโหลกศีรษะเฉพาะบุคคลไทเทเนียมด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติทางตรงเป็นสำเร็จรูปที่ผ่านการผลิตเป็นรายบุคคลสามารถเข้ากันได้กับร่างกายผู้ป่วย แนบกับกะโหลกศีรษะ ไม่ติดเชื้อ คงทนกว่า 

แต่กว่าจะฝ่าด่านมาได้จนถึงตอนนี้ใช้เวลากว่า 4-5 ปี ในการพัฒนาจนสามารถผลิตและได้มาตรฐาน มีไม่กี่บริษัททั่วโลกที่ผลิตได้ โดยใช้แผ่นไทเทเนียมเกรดดีที่สุดที่ใช้สำหรับการแพทย์ซึ่งเข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้

สำหรับวิธีการใช้จะเป็นการออกแบบเฉพาะบุคคลจริง มีการออกแบบโดยวิเคราะห์รูปทรงรอยเปิดกะโหลกศีรษะที่ต้องการปิด ผ่านระบบ CT-Scan ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ปัจจุบันนวัตกรรมดังกล่าวได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Food and Drug Administration : USFDA) สามารถจำหน่ายแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมนี้ในสหรัฐฯ ได้ และได้ ISO 3485 ดังนั้นจึงใช้งานได้อย่างปลอดภัย ลดการติดเชื้อ ลดโอกาสที่จะต้องผ่าตัดใหม่ ปัจจุบันเบิกจ่ายได้ทั้งสิทธิหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง) ประกันสังคม และสิทธิข้าราชการ

ผู้ป่วยกลุ่มไหนบ้างที่ต้องใช้กะโหลกเทียม ผศ.ดร. เชษฐา เล่าว่า แผ่นปิดกะโหลกศีรษะเฉพาะบุคคลผลิตจากโลหะไทเทเนียมสำหรับใช้กับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องเปิดกะโหลก เพื่อผ่าตัดสมอง ไม่สามารถใช้กะโหลกเดิมในการปิดศีรษะ ทั้งจากอุบัติเหตุ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) กระดูกผิดรูปแต่กำเนิด เนื้องอก เป็นต้น 

ข้อดีของ ไทเทเนียมวัสดุที่มีความคงทนแข็งแรงโดยผ่านการทดสอบด้วยกระบวนการทางวิศวกรรมและมีน้ำหนักเบา นอกจากนั้นยังมีความเข้ากันกับร่างกายมนุษย์ที่สูงจึงและเป็นที่นิยมในการนำมาทดแทนกระดูกส่วนต่างๆ ของร่างกาย ในวงการแพทย์ไทเทเนียมเป็นวัสดุที่นิยมนำมาใช้เป็นวัสดุฝังในร่างกายมนุษย์มากที่สุด เนื่องจากงานวิจัยพบว่าโอกาสเกิดการติดเชื้อ ของไทเทเนียมมีต่ำกว่าวัสดุประเภทอื่น

ทั้งนี้สิ่งสำคัญเวลานี้คือทำอย่างไรที่จะทำให้ผู้ป่วยคนไทยเข้าถึงวัสดุประเภทนี้ให้มากที่สุด จำเป็นต้องอาศัยกลไกการตลาดเข้ามาจับด้วย เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับแพทย์พยาบาล และปั้นทีมหลังการขาย เพื่อให้บุคลากรการแพทย์เปลี่ยนความเคยชินจากการใช้วัสดุแบบเดิมมาเป็นแผ่นปิดกะโหลกศีรษะเฉพาะบุคคลไทเทเนียม ซึ่งเราเชื่อว่าสุดท้ายแล้วแพทย์ก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ 

ขณะเดียวกันบริษัทฯ กำลังออกไปทำตลาดที่สหรัฐด้วย ซึ่งการที่เราผ่านการรับรองจาก US FDA ของสหรัฐ ทำให้การตลาดง่ายขึ้น แต่ก็ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับแต่ละโรงพยาบาลด้วย ซึ่งได้นำเสนอกับโรงพยาบาลบางแห่งแล้วได้รับการตอบรับที่ดี และหากมีการผลิตมากขึ้นราคาต่ำลง ราคาผลิตภัณฑ์ที่ขายในไทยก็จะลดต่ำลงด้วย ซึ่งปัจจุบันราคาแพงกว่าวัสดุสำเร็จรูปแบบเดิม 10% แต่ถูกกว่าวัสดุที่มีการนำเข้าประมาณ 10 เท่า ตอนนี้มูลค่าตลาดของแผ่นปิดกะโหลกศีรษะสำเร็จรูปในภาพรวมอยู่ประมาณ 2,000-3,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี 

สำหรับภาพรวมในประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยสะสมในประเทศที่รอการรักษาด้วยเครื่องมือแพทย์ในกลุ่มนี้กว่า 100,000 ราย จำนวนนี้มีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยแผ่นปิดกะโหลกศีรษะประมาณ 10,000 ราย จากปัจจุบันได้มีผู้ป่วยใช้งานกระดูกเทียมไทเทเนียมของบริษัทฯ แล้วประมาณ 2,100 ราย โดย 80% เป็นแผ่นปิดกะโหลกศีรษะไทเทเนียมที่เหลือเป็นชิ้นส่วนกระดูกเทียมอื่นๆ  

ในส่วนการใช้งานที่ประเทศอื่นๆ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯกำลังได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน นอกจากได้รับการรับรองจาก US FDA ในหลายๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์แล้ว ยังได้รับอนุญาตให้ใช้งานในหลายประเทศ ทั้งในสหราชอาณาจักร ปากีสถาน สิงคโปร์ มาเลเซีย สปป.ลาว รวมกันได้ส่งออกไปช่วยผู้ป่วยแล้วมากกว่า 250 รายส่วนใหญ่เป็นแผ่นปิดกะโหลกไทเทเนียมเฉพาะบุคคลบริเวณใบหน้า 

นอกจากนี้เรายังมีกระดูกเทียมที่ทำจากวัสดุไทเทเนียมเฉพาะบุคคลชิ้นส่วนอื่นๆ ด้วย อาทิ สะโพก และ มือ  ล่าสุดในช่วงเกิดความไม่สงบจากการสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา ทำให้ทหารของไทยได้รับบาดเจ็บรุนแรง บริษัทฯได้มอบกระดูกเทียมไทเทเนียมที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติออกแบบเฉพาะบุคคลเป็นแผ่นปิดกะโหลกศีรษะ 3 ชิ้น และกระดูกมือ 1 ชิ้น เพื่อทำการผ่าตัดให้กับเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อตอบแทนความเสียสละและช่วยฟื้นฟูคุณภาพชีวิตให้กลับมาดีดังเดิม โดยนวัตกรรมดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัลทรัพย์สินทางปัญญาดีเด่น (IP Champion) ประจําปี 2568 ซึ่งเป็นการออกแบบที่พอดีกับสรีระของผู้ป่วยแต่ละรายอย่างสมบูรณ์แบบ ช่วยลดความเสี่ยงในการผ่าตัด และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล Global Award สาขาเทคโนโลยีการแพทย์ จากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เมื่อปี 2567 และได้รับความคุ้มครองสิทธิบัตรแล้วในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป