อาหารเป็นทั้งคุณและโทษ หากกินอย่างเหมาะสมก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีพลัง และลดความเสี่ยงต่อโรค แต่หากกินไม่ถูกวิธี เช่น กินมากเกินไป หรือเลือกอาหารที่หวาน มัน เค็ม หรือเผ็ดจัด ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ นอกจากการออกกำลังกายแล้ว กรมอนามัยยังแนะนำให้เลือกกินผักและผลไม้ที่มีค่า GI ต่ำ เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
GI หรือ Glycemic Index คือค่าดัชนีน้ำตาลที่บอกว่าอาหารแต่ละชนิดทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นเร็วหรือช้า อาหารที่มีค่า GI ต่ำจะทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ร่างกายสามารถจัดการได้ง่ายกว่า และช่วยลดความเสี่ยงต่อโรค NCDs เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และไขมันในเลือดสูง
ผักที่มีค่า GI ต่ำมีหลายชนิด เช่น ผักใบเขียวอย่างคะน้า ผักกาด ผักโขม และผักกวางตุ้ง ซึ่งอุดมไปด้วยใยอาหาร ช่วยให้อิ่มนานและส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย บร็อกโคลีและกะหล่ำปลีมีวิตามินซีสูงและใยอาหารที่ดีต่อร่างกาย ส่วนมะเขือเทศมีไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด ขณะที่แตงกวามีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้รู้สึกสดชื่นและให้พลังงานต่ำ ถั่วฝักยาวก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะเป็นแหล่งของใยอาหารและโปรตีนจากพืช และมะระยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
ในกลุ่มผลไม้ที่มีค่า GI ต่ำก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน เช่น ฝรั่งที่อุดมด้วยวิตามินซี ฟอสฟอรัส โฟเลต และใยอาหาร ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและควบคุมระดับน้ำตาล ชมพู่มีน้ำมาก พลังงานต่ำ และใยอาหารสูง จึงเหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ส้มโอมีวิตามินซีสูงและมีสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนแก้วมังกรทั้งสีแดงและสีขาวก็ให้ความสดชื่น มีน้ำมาก ใยอาหารสูง และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีสาลี่ที่อุดมด้วยวิตามินซี โพแทสเซียม และใยอาหารที่ดีต่อระบบขับถ่าย สตรอว์เบอร์รีที่มีวิตามินซีและโพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดการอักเสบ และแอปเปิลที่มีใยอาหารสูง โดยเฉพาะที่เปลือก พร้อมวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
การดูแลสุขภาพไม่ใช่แค่การเลือกกินผักผลไม้ GI ต่ำเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการนอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ หากทำครบทุกด้าน จะช่วยลดความเสี่ยงโรค NCDs และทำให้สุขภาพแข็งแรงได้ในระยะยาว
ข้อมูลจาก : กรมอนามัย

