back to top

หัวใจของพ่อแม่ยุคใหม่ ฟังลูกให้เป็น เพื่อให้ลูกกล้าเป็นตัวเอง

รู้หรือไม่ว่า กลุ่มเยาวชนอายุ 15–24 ปี มีความเครียดสูงจากทุกเรื่องราวของชีวิต เสี่ยงซึมเศร้า และถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตายมากกว่า 30,000 คน (ข้อมูลจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) ทั้งจากปัญหาการเรียน ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว เพื่อน คนรัก รวมไปถึงปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับหลายครอบครัว ซึ่งเด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี เด็กและเยาวชนเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวและสังคมในอนาคต ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือกันดูแล โดยเฉพาะสถาบันครอบครัวที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันด่านแรก มี 10 แนวทางคำแนะนำ ที่จะช่วยดูแลเด็กและเยาวชนของเรา เพื่อสร้างครอบครัวอบอุ่น ความสัมพันธ์ดี เสริมแกร่งจิตใจ และช่วยให้เผชิญหน้ากับทุกปัญหาได้อย่างมีสติ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมให้กับเยาวชน

10 วิธีประกอบด้วย

  1. ไม่ขุดคุ้ยเรื่องเก่ามาพูด หรือเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น
  2. พูดคุย รับฟัง เป็นที่ปรึกษาที่ดี อย่าพูดอยู่ฝ่ายเดียว
  3. พ่อแม่ควรใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์
  4. แสดงความรักเป็นประจำ ทั้งคำพูดและการกระทำ
  5. ให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเอง แม้จะผิดพลาดบ้าง แต่ไม่ทิ้งขว้าง คอยชี้ผิดชี้ถูก เป็นแบบอย่างที่ดี
  6. ชื่นชมและให้รางวัลเมื่อลูกทำดี สร้างกำลังใจด้วยการแสดงออกว่าพ่อแม่ภาคภูมิใจในตัวลูกมากแค่ไหน
  7. สนับสนุนลูกให้ทำสิ่งที่ชอบ ไม่มองเป็นเรื่องไร้สาระ และยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น
  8. ใช้เวลาและให้เวลากับลูก ได้ทำในสิ่งที่ชอบ เช่น ฟังเพลงที่ลูกชอบ โดยไม่วิจารณ์ด้วยอคติหรือคำพูดให้เสียหาย เพราะเสียงเพลงสามารถบอกถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความนึกคิด และตัวตนในเวลานั้นได้
  9. ยอมรับและขอโทษเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายผิด เพื่อสร้างความเคารพซึ่งกันและกัน
  10. ติดตาม ดูแล และให้ความอบอุ่นกับลูกอย่างสม่ำเสมอ

ทั้ง 10 วิธีนี้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป หากพ่อแม่และผู้ปกครองรักลูกหลานมากพอ และร่วมกันทำให้ครอบครัวเป็นพื้นที่ปลอดภัย เป็นสถานที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และเสริมภูมิคุ้มกันทางสังคมให้กับเด็กๆ เพื่อให้เขาพร้อมและแข็งแกร่งเมื่อต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอก

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เป็นมากกว่าพ่อแม่ แต่เป็นเพื่อนด้วย “หัวเราะและร้องไห้ไปกับเขาทุกครั้ง” ให้เด็กๆ ไว้วางใจและเปิดใจคุยเสมอ ในวันที่มีปัญหาชีวิตโถมเข้าใส่ เพื่อช่วยกันแก้ไขก่อนจะสายเกินไป

ข้อมูล : กรมอนามัย