เมื่อใดที่รู้สึกง่วงหรือร่างกายไม่พร้อมที่จะขับขี่ ควรจอดพักในที่ปลอดภัย หรือเปลี่ยนไปใช้รถสาธารณะแทน เพื่อความปลอดภัยของตัวเรา ผู้โดยสาร และเพื่อนร่วมทาง การหลับในถือเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุที่มักถูกมองข้าม เพราะการหลับชั่วขณะเพียง 3–5 วินาที ทำให้สมองไม่สั่งการ ส่งผลให้รถเสียการควบคุมและเกิดอุบัติเหตุได้
สาเหตุของการหลับในมักเกิดจากหลายปัจจัย เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนน้อย ทำงานหนักเกินไป ร่างกายอ่อนเพลีย การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้หรือยารักษาอาการหวัด โรคประจำตัวที่ทำให้ง่วงง่าย ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ที่ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ และโรคลมหลับ (Narcolepsy) ซึ่งทำให้ไม่สามารถควบคุมการหลับได้
จากสถิติกรมทางหลวงช่วงปี 2558–2567 ของศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย (Thailand Accident Research Center – TARC) พบว่ามี 10 ถนนที่เสี่ยงอุบัติเหตุหลับในสูงสุด โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วงกำแพงเพชร–ตาก สถิติอุบัติเหตุ 187 ครั้ง ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงประจวบคีรีขันธ์ 177 ครั้ง และทางหลวงหมายเลข 41 ช่วงนครศรีธรรมราช 175 ครั้ง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการขับรถทางไกล ถนนตรงยาว ทำให้ผู้ขับเสี่ยงหลับในง่าย
อุบัติเหตุจากการหลับในพบมากขึ้นในปัจจุบัน แต่ยังไม่มีวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นผู้ขับขี่โดยเฉพาะผู้ที่ขับรถสาธารณะควรได้รับการตรวจประเมินความพร้อมทางสุขภาพ หากพบว่าไม่พร้อมขับขี่ ควรได้รับคำแนะนำและส่งต่อเพื่อรักษาหรือปรับแก้ ส่วนผู้ขับรถส่วนตัวต้องประเมินตนเองก่อนสตาร์ทรถ ต้องพร้อมเท่านั้นเมื่ออยู่หลังพวงมาลัย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผู้โดยสาร และเพื่อนร่วมทาง เพราะความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่ความสูญเสียใหญ่หลวงที่ไม่สามารถเรียกคืนได้
ที่มา: กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค
