โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงพบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 15 คน ผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยวันละ 44 คน สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงเกิดจากอายุที่มากขึ้น พฤติกรรมการบริโภคอาหาร และการดำเนินชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงประวัติพันธุกรรมในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ยิ่งเพิ่มโอกาสให้มีความเสี่ยงสูงขึ้น
ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่า โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงมีอุบัติการณ์เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป ปัจจัยสำคัญคือ การรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารกลุ่มเนื้อแดง ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมูที่ผ่านการแปรรูป หรือปรุงด้วยความร้อนสูงเป็นเวลานาน เช่น ปิ้งย่างจนไหม้เกรียม อาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาล หรือปรุงแต่งมากเกินไป การไม่ออกกำลังกาย ขาดการเคลื่อนไหวที่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ รวมถึงผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง หรือโรคทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ FAP (Familial Adenomatous Polyposis)
โรคนี้ทำให้เกิดติ่งเนื้อจำนวนมากในลำไส้ ถ้าไม่รักษาจะพัฒนากลายเป็นมะเร็ง, Lynch Syndrome เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งหลายชนิด รวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่, MUTYH-Associated Polyposis (MAP) เป็นอีกหนึ่งความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้มีการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ ดังนั้น ผู้ที่มีประวัติความผิดปกติทางพันธุกรรมในครอบครัว ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาความเสี่ยงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงระยะเริ่มต้นมักไม่พบอาการที่ชัดเจน แต่เมื่อโรคลุกลาม อาจมีอาการ เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ท้องผูกสลับท้องเสีย มีเลือดหรือมูกปนมาในอุจจาระ ปวดท้อง น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค ได้แก่ การผ่าตัดเพื่อนำเนื้องอกมะเร็งออกทั้งหมด รวมถึงต่อมน้ำเหลือง การรักษาด้วยเคมีบำบัด เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่หลังการผ่าตัด หรือเพื่อลดขนาดเนื้องอกก่อนผ่าตัด และรักษาโรคในระยะแพร่กระจาย การรักษาด้วยรังสี เพื่อลดขนาดของเนื้องอกก่อนผ่าตัด หรือเพื่อลดการเกิดซ้ำหลังผ่าตัด
การเข้ารับการตรวจประเมินเพื่อค้นหาความเสี่ยง จึงเป็นวิธีการที่สามารถป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงได้ แนะนำให้เริ่มตรวจเมื่ออายุ 50 ปี โดยการตรวจหาเม็ดเลือดแดงแฝงในอุจจาระ (Fecal Immunochemical Test : FIT) สามารถตรวจได้ว่ามีเลือดออกในทางเดินอาหารหรือไม่ การตรวจด้วยวิธีนี้เป็นประจำจะช่วยลดการเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) เป็นวิธีการตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ช่วยให้เห็นภาพภายในลำไส้ใหญ่ทั้งหมด และสามารถเก็บชิ้นเนื้อที่สงสัยส่งตรวจทางพยาธิวิทยาได้
อย่างไรก็ตาม การป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงที่ดีที่สุด คือ การดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอาหารเนื้อแดงแปรรูป ปิ้งย่างจนไหม้เกรียม งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง จะช่วยให้ห่างไกลจากโรคร้ายนี้ รวมถึงโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ ทั้งนี้ มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
ปัจจุบันสามารถตรวจยีนมะเร็งลำไส้ชนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้แล้ว ช่วยคัดกรองแต่เนิ่นๆ โดยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์การแพทย์จีโนมิกส์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 0-2951-0000 ต่อ 98095-6
ข้อมูล : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ, กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์


