back to top

อากาศเปลี่ยนแปลงแล้วแอบเหงา

อากาศแปรเปลี่ยน เช้าหนาว กลางวันร้อน บ่ายฝนตก เย็นกลับมาหนาว สภาพอากาศแบบนี้มีผลต่อความรู้สึกของเราไม่น้อย ยิ่งคนไทยตอนนี้เป็นชาติที่อยู่ในสภาพความตึงเครียดติดต่อกันจากความรู้สึกร่วม ตั้งแต่การเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน น้ำท่วม มาถึงการสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของทหารหลายนาย รวมถึงส่งผลต่อชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่สู้รบ

ในฤดูหนาว หมอกเยอะในตอนเช้า ช่วงเวลากลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน ส่งผลให้คนรู้สึกเหงา เศร้า หรือหดหู่ได้ ให้สังเกตตัวเราและคนรอบข้างให้ดีว่าอาการแบบนี้แย่ลงจนส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ หาก “ใช่” อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่ากำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หรือมีภาวะเครียดจากสภาพอากาศ

สำหรับความรู้จักโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder; S.A.D.) เป็นโรคทางอารมณ์ชนิดหนึ่งที่มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันของแต่ละปี โดยส่วนใหญ่มักเกิดอาการขึ้นในฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน อาจมีอาการต่างๆ ได้แก่ ซึมเศร้า เหนื่อยล้า และแยกตัวจากสังคม แม้ว่าอาการต่างๆ มักจะหายไปภายในไม่กี่เดือน แต่ก็อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความรู้สึกและการทำหน้าที่ต่างๆ ของบุคคล

อย่างไรก็ตาม มีวิธีการที่จะสามารถช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น โดยดูแลใจช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงด้วยแนวทางต่างๆ ดังนี้

  1. กินอาหารสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีน ช่วยเพิ่มระดับของสารสื่อประสาทเซโรโทนิน สารเคมีในสมองที่มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมอารมณ์ ซึ่งถ้าปริมาณลดลงอาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ อาหารที่ช่วยได้ เช่น ผักปวยเล้ง สับปะรด ไก่ ปลาแซลมอน ไข่ ชีส นม เต้าหู้ ถั่ว และเมล็ดธัญพืช เป็นต้น
  2. อย่าอยู่ว่างๆ แบบนั่งๆ นอนๆ เพราะจะทำให้หมกมุ่นอยู่กับความคิดและอารมณ์เศร้า ให้หากิจกรรมที่ชื่นชอบหรือมีกายเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น เช่น ทำสวนครัว ทำงานบ้าน เล่นดนตรี อ่านหนังสือ ดูทีวี วาดรูป เป็นต้น
  3. หาโอกาสออกไปเดินเล่นในวันที่มีอากาศแจ่มใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เพื่อให้ร่างกายได้สัมผัสกับแสงแดดอ่อนๆ เพราะมีผลงานวิจัยชี้ชัดว่าการได้สัมผัสกับแสงสว่างมีความสัมพันธ์กับระดับเซโรโทนินในร่างกาย
  4. ออกกำลังกาย โดยข้อมูลจากงานวิจัยจากประเทศอังกฤษแสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างต่อเนื่องช่วยเรื่องอาการซึมเศร้าได้ แนะนำการออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3–5 วัน ถ้าไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน อาจเริ่มจากกิจกรรมที่ทำอยู่แล้วให้มีการออกแรงเพิ่มขึ้น เช่น เดินทางไปทำงานด้วยการเดินหรือขี่จักรยาน เป็นต้น
  5. พบปะสังสรรค์ หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ทางสังคม เพื่อให้ได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนฝูงหรือทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่
  6. ฝึกใจให้ยอมรับต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศ ว่าเป็นแค่เพียงปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่มาแล้วก็ไปไม่แน่นอน ประคองใจให้มีสติอยู่กับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
  7. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากการนอนไม่หลับอย่างต่อเนื่องจะมีผลต่อคุณภาพชีวิตและการเกิดภาวะซึมเศร้า พยายามฝึกนิสัยการนอนที่ดี โดยก่อนนอนควรปิดอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ฝึกผ่อนคลายตัวเองด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การฝึกสมาธิ การฝึกหายใจคลายเครียด การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นต้น
  8. หมั่นสังเกตอาการและการเปลี่ยนแปลงของตนเอง หากรู้สึกว่าอารมณ์แปรปรวนและเป็นทุกข์มากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ควรแสวงหาความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิดหรือพบแพทย์ เพื่อได้รับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสม

ข้อมูลจาก โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ (https://dmh.go.th/news/view.asp?id=3535)