ฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่สำคัญของประเทศไทย เกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งการเผาป่าและไฟป่า ควันจากท่อไอเสียของรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่
- เด็กเล็ก เด็กแรกเกิด–5 ปี เนื่องจากระบบป้องกันและภูมิคุ้มกันของร่างกายยังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์เท่าผู้ใหญ่
- หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงอายุครรภ์ 6 เดือนแรก อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนาอวัยวะต่าง ๆ ส่งผลระยะยาว รวมถึงการคลอดก่อนกำหนด และทารกแรกคลอดมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
- ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอด และโรคหอบหืด
- ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง เช่น พนักงานทำความสะอาดถนน คนขับรถโดยสารสาธารณะ พนักงานส่งอาหาร/พัสดุ แม่ค้าหาบเร่แผงลอย เป็นต้น
ทั้งนี้ การสะสมของฝุ่นละอองภายในปอดเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ โดยระดับความรุนแรงของอาการแตกต่างกัน ดังนี้
- อาการไอ จาม และภูมิแพ้ พบเมื่อมีฝุ่นละอองสะสมในโพรงจมูก ทำให้เกิดการระคายเคืองในจมูกและลำคอ มีเสมหะ ไอ จาม โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีอาการกำเริบได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง พบในกรณีที่มีอาการไอต่อเนื่องนาน 3–8 สัปดาห์ขึ้นไป มีเสมหะสีขาว สีเหลือง หรือมีเลือดปน ร่วมกับอาการเหนื่อยง่าย กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- โรคหลอดเลือดและหัวใจเรื้อรัง เกิดจากฝุ่นละอองเข้าสู่กระแสเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดและผนังหัวใจ อาการที่พบ ได้แก่ เจ็บหน้าอก เหงื่อออก ใจสั่น เหนื่อยหรือแน่นหน้าอกขณะออกแรง ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นลม หมดสติ หรือเสียชีวิต
- โรคปอดเรื้อรังและมะเร็งปอด จากการสูดดมฝุ่น PM 2.5 สะสมเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก อ่อนเพลีย หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ และอาจพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งที่ลุกลามทั่วปอด
ประชาชนสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้โดยยึดหลัก “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง ลด” ได้แก่
- หลีก หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง
- ปิด ปิดประตูและหน้าต่างให้มิดชิด
- ใช้ หน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ทุกครั้งเมื่อออกนอกอาคาร
- เลี่ยง การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองสูงเป็นเวลานาน (มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน)
- ลด กิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นและควัน เช่น จุดธูป เผากระดาษ เตาปิ้งย่าง การเผาใบไม้ ขยะ หรือพืชผลทางการเกษตร รวมถึงการติดเครื่องยนต์ในบ้านเป็นเวลานาน
หากมีอาการป่วยรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
