back to top

“เป็นห่วงนะ ต้องเตือนกัน” เมื่อบุหรี่ที่เคยน่ากลัว กลับกลายร่างมาในรูปความน่ารัก บุหรี่ไฟฟ้า Toy pod รุกคืบลูกหลานคนไทย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ นักวิชาการอิสระ ผู้จัดการโครงการศึกษาพัฒนาขยายผลการเฝ้าระวังและจัดการความรู้ผลิตภัณฑ์เสี่ยงสุขภาพ กล่าวว่า ผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าได้ปรับรูปแบบมาอย่างต่อเนื่องจนเป็น “บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นใหม่ Gen5” มุ่งเป้าเด็กเยาวชนโดยเฉพาะ ที่เรียกว่า Toy pod เป็นบุหรี่ไฟฟ้าเลียนแบบตุ๊กตาดังน่ารัก หรือทำเป็นของเล่นของสะสมขนาดเล็กนานาชนิด เช่น เครื่องเขียน สีสะดุดตา รวมถึงมีการแต่งกลิ่นต่างๆ เป็นการตลาดแบบ Friendly Marketing หรือ การตลาดที่เป็นมิตรมาใช้กับคนรุ่นใหม่ ทำให้ใช้ได้ง่าย และรูปลักษณ์น่ารักดูเป็นมิตรกับผู้ใช้ ทำให้ดูอันตรายน้อยลง เหล่านี้เป็นปัจจัยทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเข้าถึงเยาวชนมากขึ้น นอกจากนี้ยังหาซื้อได้ง่าย

นอกเหนือจาก Toy pod ยังมี Nicotine pouch (นิโคตินสังเคราะห์) เป็นนิโคตินสังเคราะห์ใช้แปะเหงือก ซึ่งอันตรายสูงมาก เพราะผู้ใช้สามารถหยิบขึ้นมาใช้ตอนไหนก็ได้แม้บนเครื่องบิน เพราะไม่มีควัน ถือเป็นภัยอันตรายที่ซ้อนตัวมาในรูปลักษณ์ที่สวยงา

“ตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้าพัฒนามาถึงเจเนอเรชันที่ 5 ก็คือเป็น Toy pod จากรุ่นก่อนที่หน้าตาไม่ได้น่าดึงดูดมาก แต่พอ Toy pod กลายเป็นตุ๊กตาที่น่ารัก ดูเป็นมิตรต่อผู้ใช้ ทำให้ดูอันตรายน้อยลง ทําให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นกว่าบุหรี่มวนหรือรุ่นก่อนๆ ที่หน้าตาไม่สวยงามเท่านี้”

สำหรับการเข้าถึงที่ว่าง่ายนั้น คือเพียงแค่ค้นก็เจอทุกแพลตฟอร์มก็ซื้อมาใช้ได้ ซึ่งก็ต้องเรียกร้องรัฐบาลให้ช่วยควบคุมดิจิทัลแพลตฟอร์มอย่างเข้มงวด ซึ่งการควบคุมดิจิทัลแพลตฟอร์มได้ จะช่วยทำให้ภัยของคนไทยหายไปหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า เรื่องสแกมเมอร์ การหลอกลวงมิจฉาชีพ และภัยออนไลน์ ต้องยอมรับว่าตอนนี้การที่เราไม่สามารถควบคุมดิจิทัลแพลตฟอร์มได้ก็เลยทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบไปทั่วอย่างที่เราเห็น นอกจากนี้ภาครัฐต้องคุมเข้มด้วยกฎหมายการนําเข้าและการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชน

ในส่วนของพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าที่มาในรูปแบบใหม่นั้น ต้องทำให้เด็กเยาวชนตระหนักว่า ยิ่งหน้าตาน่ารักแปลว่ายิ่งซ่อนอันตรายสูงไว้แตกต่างจากบุหรี่มวนที่จะเห็นตั้งแต่หน้าซองบุหรี่ว่าอันตราย วิธีการที่จะทําให้เด็กได้ตระหนักรู้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเป็นภาระของพ่อแม่ หรือคนใกล้ชิด และโรงเรียน ที่ต้องเป็นปราการสําคัญ ต้องบอกพวกเขา ช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะอยู่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุด โดยต้องสร้างการตระหนักรู้ให้เด็กเห็นถึงผลกระทบต่อสุขภาพ สุขภาพที่เรามีอยู่หนึ่งเดียว แล้วตอนนี้ประเทศไทยก็มีปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่เป็นภัยต่อสุขภาพอยู่แล้ว ดังนั้นต้องทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงที่สุด อะไรที่หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง อะไรที่ลดได้อย่างเรื่องของบุหรี่ก็ต้องลด เพราะว่าเราต้องเผชิญหน้ากับมลพิษอยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มเยาวชนน่าเป็นห่วงมาก เพราะกลุ่มผู้ใหญ่รู้ตัวอยู่แล้วว่าเค้ากําลังทําอะไรอยู่และมีความสามารถในการลดได้อยู่แล้ว รวมถึงมีช่องทางในการลดละ แต่เยาวชนอาจจะเสพติดโดยไม่รู้ตัว

“ถือว่าตอนนี้เด็กไทยอยู่ในวงล้อมของภัยในหลายเรื่องไม่ใช่แค่ภัยเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้าเท่านั้น ทั้งเรื่องของกัญชากระท่อม การพนันออนไลน์ที่ทำให้เด็กถูกหลอกเงิน ดังนั้นพ่อแม่จะอยู่นิ่งเฉยเหมือนพ่อแม่สมัยรุ่นก่อนๆ ไม่ได้ เพราะภัยมาถึงตัวเด็กมากขึ้น เป็นหน้าที่และภาระของพ่อแม่ที่ต้องบอกลูกถึงอันตรายที่อยู่ล้อมรอบตัวลูก ที่มันอาจจะเข้ามาถึงลูกได้ผ่านมือถือ แล้วอาจจะเป็นหน้าที่ของโรงเรียนสถาบันการศึกษา ที่ต้องสอดแทรกเรื่องนี้เข้าไปในเรื่องของวิชาใดวิชาหนึ่งที่จะทําให้เด็กรู้ถึงอันตรายเหล่านี้ ไม่ใช่แค่เรื่องบุหรี่ฟ้าแต่เป็นทุกเรื่องที่เป็นภัยทั้งต่อสุขภาพของเด็กและเป็นภัยต่อสังคม”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีรัช บอกว่า เราต้องช่วยกันระวัง เพราะผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าก็จะพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่าง Nicotine pouch หรือนิโคตินสังเคราะห์ที่ไม่ต้องเผา แปะแค่เหงือก ใช้ที่ไหนก็ได้ นั่งคุยกับเพื่อนก็หยิบมาใช้ หรือแม้บนเครื่องบิน เพราะไม่ต้องไปจุดให้มีควัน ซึ่งรูปแบบใหม่ๆ เหล่านี้เสี่ยงต่อเด็กเยาวชน ทำให้คนใช้ดูเท่ห์เป็นผู้นำในกลุ่มเพื่อนเป็นความอันตรายที่เด็กไม่ทันตระหนักรู้