back to top

ขึ้นชื่อว่า “ความรัก” ไม่สุขมากก็ทุกข์มาก? มูฟออนกับรักครั้งใหม่แบบสวยงามกว่าเดิม

เมื่อความรักมาถึงจุดจบ จะด้วยเหตุผลใดก็ตามล้วนเป็นเรื่องเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นการนอกใจ หมดรัก หรืออาจไม่เคยรักกันมาก่อน แต่เมื่อมาถึงตอนที่ว่าด้วยการสิ้นสุดความสัมพันธ์ ทุกคนต้องผ่านช่วงเวลาแห่งความปวดร้าวสาหัส ทำไมจึงหมดรักกันนี่คือคำถาม? แล้วจะผ่านไปได้อย่างไร? นี่ก็อีกคำถาม 

แน่นอนว่าในช่วงแรกๆ นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างดูย้ำแย่ไปหมด อารมณ์เข้าครอบงำเหตุผลเหมือนพายุฝนฟ้าโหมกระหน่ำเข้ามา ทำเราเปียกปอน หนาวสั่น การก้าวข้ามเส้นทางแยกไม่ใช่งานง่าย โดยเฉพาะหากต้องแยกกันอยู่หลังร่วมชายคาเดียวกันมานานหลายปี ต้องผ่านการตกลงเจรจาในหลายๆ เรื่อง อาทิ การหาบ้านใหม่ การแบ่งทรัพย์สมบัติ สิทธิการดูแลลูก หรือการต้องใช้ชีวิตลำพัง เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเพียงความไม่สะดวกสบายชั่วคราวเท่านั้น ขอให้ก้าวออกมาและกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง ไม่มีใครรู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่ขอให้มั่นใจว่าพลังของเราจะนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น 

เรานำข้อคิดดีๆ จากหนังสือ “คินสึงิ ความงามของบาดแผลแห่งชีวิต” เขียนโดยโทมาส นาวาร์โร นักจิตวิทยาชื่อดังชาวสเปน แปลโดยวุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ เราจะมากอบกู้ซากปะหลักหักพังด้วย “คินสึงิ” (Kintsugi) เทคนิคการซ่อมแซมภาชนะที่แตกบิ่นของญี่ปุ่นเพื่อให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง 

ให้ถอยออกมามอง 

แน่ละคนเรามักไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรจนกระทั่งเจ็บปวดเกินจะทนไหว จนกระทั่งความทุกข์เกาะกินลึกสุดจะหยั่ง เป็นไปได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เราตระหนักในระดับหนึ่งแล้วว่าความสัมพันธ์จะไปไม่รอด แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง นี่ไงเวลานั้นมาถึงแล้ว จุดจบมาเคาะประตูบ้านแล้ว อาจเร็วกว่าที่คาดคิดเสียอีก ขอให้มองด้วยมุมที่กว้างขึ้น มองไปไกลๆ ไปยังเส้นขอบฟ้าที่อยู่เบื้องหน้าเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองเสียที ทิ้งเบื้องหลังความเจ็บปวด ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ และร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อผ่านมาแล้ว ชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น 

เทคนิคของโทมาสจากประสบการณ์ในการเยียวยาคู่รักที่เจ็บปวด เบื้องแรกขอให้จับสัญญาณว่าความสัมพันธ์อาจไปไม่รอด ให้ทบทวนว่าแก้ไขอะไรได้หรือเปล่า ถ้ายังพอมีโอกาสรีบทำ แต่หากทบทวนแล้วความสัมพันธ์มืดมนเต็มที ก็อย่าปล่อยให้ความทรมานนี้ลากออกไปโดยไม่จำเป็น แล้วก็บอกกับตัวเองว่าดีแล้วที่จบลงเสียที แทนที่จะปล่อยให้อะไรยืดเยื้อออกไป

แล้วก็คิดให้ต่างออกไป

ฝั่งใดฝั่งหนึ่งมักจะเป็นฝ่ายรู้สึกไม่มั่นคงก่อน และกลัว แล้วก็จะนำมาสู่การไม่สามารถมีความสุขกับความสัมพันธ์ในฐานะคู่รักเหมือนเดิมได้ ตามมาด้วยการพูดกันน้อยลงเรื่อยๆ หากอยู่ด้วยกันมาแล้วก็กลายสภาพเป็นแค่เพื่อนที่มาแชร์ค่าเช่าบ้านมากกว่าคู่รัก ปรากฏการณ์ที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่มั่นคง ก็เช่น อีกฝ่ายไม่มีเวลาให้ บางวันอาจยกเลิกนัดเพราะติดงาน หรือพอทำงานเสร็จก็รู้สึกเหนื่อยอยากพัก มากกว่าจะใช้เวลาด้วยกัน พอถึงวันเทศกาลหยุดยาวก็อยากมีเวลาส่วนตัว แทนที่จะไปเที่ยวด้วยกัน หรือไปเยี่ยมบ้านของอีกฝ่าย สะสมอารมณ์ขุ่นมัว แล้วก็มักโต้เถียงกัน เผลอแป๊ปเดียวปีๆหนึ่งชีวิตก็ผ่านๆ ไปแบบขรุขระ 

ที่ให้คิดต่าง เพราะบางคู่ สถานการณ์ที่เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เป็นโอกาสให้สร้างสะพานเพื่อสื่อสารถึงกันใหม่ กลับมาทำความรู้จักกันใหม่ มาสำรวจกันใหม่ และสร้างอนาคตร่วมกันอีกครั้ง แต่หลายคู่เลิกรากันไปโดยไม่มีโอกาส คำถามสำคัญเพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าเราจะกลับมาสร้างฝันร่วมกันได้หรือไม่ คือ “ทำไมหมดรัก?” คำตอบก็จะกลับมาที่พื้นฐานว่าความสัมพันธ์อยู่บนพื้นฐานอะไร เรือนร่าง หรือความดีงาม เพื่อค้นหาว่าในความสัมพันธ์นั้นมีรักแท้อยู่หรือไม่ตั้งแต่ต้น เพื่อค้นหาว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ทำไมถึงคิดจะแยกทางกัน และจะกลับมารักกันใหม่ได้หรือไม่ อย่าเพิ่งรีบจบความสัมพันธ์ขณะที่อ่อนล้า

หากกลับมาไม่ได้ การเลิกราคือพรจากฟ้า แต่ก็สร้างบาดแผลให้กันและกัน และส่งอิทธิพลทางลบหลังการเลิกรา ข้อนี้ต้องระวัง เพราะจะไปบดบังความจริงว่าแต่ละฝ่ายได้เสรีภาพมาแล้ว บางรายกลายเป็นคบใครก็ได้ไม่ว่าจะเหมาะสมหรือไม่ก็ตาม บางรายมีอิทธิพลถึงขั้นถอดใจง่ายกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ร้ายแรงกว่านั้นคือใช้ประสบการณ์ของความสัมพันธ์ครั้งเก่าไปพ่นพิษกับความสัมพันธ์ใหม่ …สิ่งที่ดีที่สุดหรือ “การเรียนรู้ที่จะรักอย่างถูกวิธีต่างหาก”

เรียนรู้อย่างไร ขอให้ทบทวนประสบการณ์ในอดีต โดยมองอดีตด้วยสายตาของปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นจะสุ่มเสี่ยงเกิดเหตุการณ์ที่ความสัมพันธ์ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าสาเหตุเพราะไม่สามารถผ่อนคลาย และปล่อยวาง ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ มีแต่ความเครียดและปิดกั้น ข้อสรุปของการเรียนรู้ที่ถูกต้องก็คือ การเรียนรู้ความผิดพลาด เพื่อจะได้มั่นใจว่าจะไม่นำพาความสัมพันธ์ครั้งใหม่ให้ไปตกอยู่ในความเสี่ยงอีก ปิดบทช่วงชีวิตที่ผ่านมา และเริ่มต้นชีวิตบทใหม่โดยปราศจากอคติและข้อผิดพลาด 

วิเคราะห์วิกฤต

โดยทำเหมือนกำลังดูหนังเก่า เราเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ใส่ตัวเองลงไปให้น้อย ไม่ต้องเศร้า ไม่ต้องเจ็บปวด เพื่อแยกแยะสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงทีละข้อ ทั้งที่เกิดอีกฝ่าย และเรา โดยไม่โบยตีตัวเอง และคิดถึงความทรงจำอันหอมหวลที่เกิดขึ้นไม่ให้อคติหรือความคิดลบๆ มาปนเปื้อนความทรงจำที่ดี ให้การวิเคราะห์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

เพื่อสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่โดยไม่บิดเบือน เพราะหลายกรณีฝ่ายหนึ่งบอกเลิกและมีคนใหม่ เป็นเพราะผู้ที่ถูกบอกเลิกอาจเย็นชาเกินไป และไม่ค่อยแสดงท่าทีใดๆ ออกมา หรือหลีกเลี่ยงที่จะวางแผนอนาคตร่วมกัน การวิเคราะห์ก็เพื่อเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงและพัฒนาก่อนจะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ป้องกันไม่ให้ทำผิดซ้ำอีก …และให้คิดว่าในชีวิตคนเราไม่มีอะไรดำหรือขาว ระหว่างกลางของขั้วทั้งสองยังมีความหลากหลายที่เราจะเข้าไปสำรวจได้ และต้องไม่ด่วนสรุปจากข้อเท็จจริงโดดๆ เช่น พวกผู้ชายเขาไม่ค่อยอ่อนไหว หรือพวกผู้หญิงอ่อนไหวเกินไป หรือเชื่อใจใครไม่ได้หรอก 

การเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน เราไม่สามารถสรุปได้เลยว่านี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นหรือแย่ลง หรือจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายเพราะไม่รู้ชะตาชีวิตจะพาเราไปทางไหน

ขอฝากบทเพลง “ผ่าน” จากสล็อตแมชชีน ถึงผู้อ่าน

วันที่ทำผิดไป
อาจเจอใครที่เข้าใจสักคน
ในความมืดมนสับสน
อาจเจอคนที่จริงใจไม่ยากนัก
จึงทำให้ฉันได้มั่นใจ
ทุกสิ่งเปลี่ยนผันสักเท่าไร
ฉันจะก้าวเดินต่อไป
อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้เจ็บช้ำ
ยังมีเรื่องราวที่ดีที่เคยได้จดจำ
เก็บคืนและวันที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว
ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ
ในความมืดมิดยังมีดวงดาว
และแดดยามเช้าพาให้เราก้าวไป