การติดพนันไม่ได้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจแย่ถึงหันมาเล่นพนันเพื่อให้ได้เงิน แต่มาจากการเสพติดการเล่นพนัน ซึ่งการติดการพนัน หรือในทางการแพทย์เรียกว่า Gambling Disorder จัดอยู่ในกลุ่มความผิดปกติทางพฤติกรรม มีลักษณะคล้ายกับการติดสารเสพติด เช่น การดื่มสุราหรือการใช้ยา เพราะสมองของผู้ติดการพนันจะมีการกระตุ้นวงจรความพึงพอใจ ทำให้เกิดความสุขเมื่อเล่น และรู้สึกอยากเล่นซ้ำ แม้จะเกิดผลเสียกับชีวิต
องค์การอนามัยโลก (WHO) และสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน (APA) กำหนดว่า ผู้ที่ติดการพนันจะมีอาการสำคัญอย่างน้อย 4 ข้อขึ้นไป ในช่วงเวลา 12 เดือน เช่น หมกมุ่นอยู่กับการพนัน คิดถึงการพนันตลอดเวลา ต้องเพิ่มจำนวนเงินเพื่อให้ได้ความตื่นเต้นเท่าเดิม พยายามหยุดเล่นแต่ทำไม่ได้ เล่นต่อเพื่อแก้ตัวจากการเสียเงิน โกหกครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเกี่ยวกับการพนัน หรือเสี่ยงต่อการเสียงาน สูญเสียความสัมพันธ์ หรือหนี้สิน เป็นต้น
เมื่อการพนันไม่เคยทำให้ใครชนะในระยะยาว และยังเป็นต้นตอของปัญหาครอบครัวและสังคมไทย กรมสุขภาพจิตแนะครอบครัวช่วยเหลือผู้ติดการพนันอย่างถูกวิธี แนวทางการรักษาเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การให้คำปรึกษา หรือการเปลี่ยนแนวคิด รวมถึงการเข้ากลุ่มเพื่อให้การสนับสนุนและให้กำลังใจในการเปลี่ยนพฤติกรรมการเล่นพนัน ร่วมกับการรักษาด้วยยา หากขาดการจัดการที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรง ทั้งในระดับครอบครัวและระดับสังคม ชวนคนใกล้ชิดดูแลด้วยความเข้าใจ ไม่ตำหนิหรือผลักไส และส่งต่อเข้ารับการบำบัดอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ติดการพนันสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพอีกครั้ง
นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาที่เกิดจากการติดการพนันในคนไทยมีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดกับตัวบุคคลที่ติดการพนันเอง เช่น มีความขัดแย้งกับคนรอบข้าง ปัญหาความเครียด ปัญหาซึมเศร้า หรือรุนแรงจนถึงการฆ่าตัวตาย และทำให้เกิดปัญหาครอบครัว การทะเลาะเบาะแว้ง ความรุนแรง และปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบทางด้านจิตใจของสมาชิกในครอบครัว
นอกจากนี้ ปัญหาการติดการพนันของคนในสังคมจะนำไปสู่อาชญากรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลักขโมย ชิงทรัพย์ หรือก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ทำให้สังคมเกิดความไม่ปลอดภัย ซ้ำเติมปัญหาสุขภาพจิตให้แก่คนในสังคมในภาพรวม
นพ.จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ผลการศึกษาพบว่าการติดการพนันสัมพันธ์กับความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง โดยเฉพาะโดปามีนและซีโรโทนิน ในการฟื้นฟูนั้น แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาบางชนิดเพื่อควบคุมอารมณ์ และลดความอยากหรือลดความพึงพอใจเมื่อเล่นการพนัน ร่วมกับการดูแลทางจิตใจและสังคม โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือจิตแพทย์เท่านั้น
สำหรับการดูแลตนเอง ในกรณีที่เข้าข่ายว่าอาจจะเป็นผู้ที่ติดการพนัน มีข้อแนะนำดังนี้
- ยอมรับว่าการติดการพนันเป็นปัญหาที่ต้องการการรักษา การปฏิเสธทำให้รักษายากที่สุด
- กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการหยุดเล่น เช่น ไม่เข้าสถานที่เสี่ยง ไม่ถือเงินสดจำนวนมาก
- หากิจกรรมทดแทน เช่น ออกกำลังกาย เล่นดนตรี หรือทำงานอาสาสมัคร
- บันทึกค่าใช้จ่ายและความรู้สึก เพื่อสังเกตสิ่งกระตุ้นให้กลับไปเล่น
- เข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือหรือพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การเปิดใจพูดคุยกันด้วยความเข้าใจและไม่ตัดสิน เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการฟื้นฟู ครอบครัวควรเริ่มจากการสังเกตสัญญาณความเครียดของสมาชิกในบ้าน เปิดโอกาสให้ทุกคนได้พูดถึงความรู้สึกอย่างปลอดภัย และร่วมกันสร้างข้อตกลงในการจัดการเรื่องการเงินหรือพฤติกรรมเสี่ยง
ในส่วนของสมาชิกในครอบครัว หรือญาติที่ติดการพนัน มีแนวทางในการให้ความช่วยเหลือดังนี้
- เข้าใจว่าผู้ติดการพนันไม่ใช่คนขี้เกียจหรือไม่มีวินัย แต่เป็นผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลอย่างจริงจัง
- หลีกเลี่ยงการตำหนิหรือซ้ำเติม เพราะจะเพิ่มความรู้สึกผิดและทำให้ซ่อนพฤติกรรมมากขึ้น
- ตั้งขอบเขตที่ชัดเจนทางการเงิน เช่น ไม่ชำระหนี้แทนทุกกรณี แต่สนับสนุนให้รับผิดชอบอย่างเหมาะสม
- ร่วมวางแผนการรักษากับทีมสุขภาพจิต
- ดูแลสุขภาพจิตของตนเอง เพราะการอยู่ร่วมกับผู้ติดการพนันอาจก่อให้เกิดความเครียดและหมดกำลังใจ
กรมสุขภาพจิตขอแนะนำว่า การติดการพนันเป็นโรคที่มีความซับซ้อนทั้งทางชีวภาพ จิตใจ และสังคม แต่สามารถรักษาและฟื้นฟูได้ หากได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมจากแพทย์ ครอบครัว และชุมชน การเข้าใจและไม่ตีตราผู้ป่วยเป็นก้าวแรกของการเยียวยา
หากพบคนใกล้ชิดมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือเริ่มควบคุมการเล่นพนันไม่ได้ ควรเริ่มต้นด้วยการพูดคุยอย่างเข้าใจและให้กำลังใจ พร้อมส่งต่อเข้ารับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ โดยสามารถโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกันป้องกันไม่ให้ “การพนัน” กลายเป็นความสูญเสียของครอบครัว