เด็กหลายเติบโตพร้อมความรักที่อบอุ่นจากคนในครอบครัว ขณะที่อีกหลายคนเติบโตอย่างเดียวดายแม้แต่การกอดอาจไม่เคยสัมผัส จริงๆ แล้วการกอดอย่างโอนโยนด้วยความรักอาจสำคัญกว่าคำพูดเป็นไหนๆ ทำให้เด็กๆเติบโตอย่างเติมเต็ม เป็นผู้ใหญ่ที่อ่อนโยน
ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต บอกกับเราว่าการกอดมีความสำคัญ เป็นหนึ่งในรูปแบบของการแสดงความรักที่ทรงพลัง ช่วยลดฮอร์โมนความเครียด กระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุข เช่น ออกซิโทซิน ทำให้รู้สึกปลอดภัยและเชื่อมโยงกับคนรอบตัวมากขึ้น
การกอดสามารถทำได้ทุกวัน เช่น กอดตอนเช้า ช่วยเพิ่มพลังบวกและเริ่มวันใหม่อย่างสดใส, ก่อนนอน ลดความกังวล ช่วยให้นอนหลับสบาย, เมื่อเศร้าหรือเครียด เพื่อปลอบโยนและให้กำลังใจ หรือกอดเมื่อมีความสุข เพื่อแบ่งปันความรู้สึกดีๆ การกอด การชม การพูดคุย และการฟัง เป็นพลังเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว ให้ลูกน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่อ่อนโยน
ดังนั้นการกอดจึงเป็นมากกว่าการแสดงออกทางกายที่แสดงถึงความอบอุ่น แต่ยังเป็นการให้กำลังใจแบบง่ายๆ แต่เปี่ยมพลัง ในทางวิทยาศาสตร์บุคคลที่ได้รับการกอด หรือกอดผู้อื่น จะไปกระตุ้นการทำงานของฮีโมโกลบิน ทำให้การลำเลียงของออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ให้ทำงานได้อย่างทั่วถึงทำให้สดชื่น มีชีวิตชีวา
การกอดเป็นการกระตุ้นสัมผัสที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อร่างกายและจิตใจ ช่วยเพิ่มระดับของฮอร์โมนออกซิทอกซิน (oxytocin) ที่ช่วยให้ผู้ถูกกอดรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุข ลดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียด นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดปามีน (dopamine) สารที่ก่อให้เกิด ความสุข ความพึงพอใจ ความปีติยินดี และความกระฉับกระเฉงมากขึ้น ก่อให้เกิดการหลั่งสารแห่งความสุขตัวอื่นๆอีก เช่น เอนโดรฟิน (endorphin) และเซโรโทนิน (serotonin) มีส่วนช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ และระบบภูมิต้านทานในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น กระตุ้นการทำงานของฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง ทำให้การลำเลียงของออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายดีขึ้น ร่างกายจะกระปรี้กระเปร่าและแข็งแรง สุขภาพดี ช่วยรักษาภาวะซึมเศร้า ลดความเครียด ในเด็กทารกมีงานวิจัยพบว่าการกอดมีส่วนช่วยกระตุ้นและเพิ่มอีคิวให้กับลูก โดยเฉพาะเด็กทารก ซึ่งการอุ้มกอดขณะให้นมช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสานสัมพันธ์ความรัก
โดยส่วนลึกแล้วการกอดด้วยความอบอุ่น เป็นการแสดงออกที่ทุกเพศทุกวัยทั้งเด็กทารก วัยรุ่นหนุ่มสาว และผู้สูงอายุต่างต้องการการโอบกอดด้วยความรักจากคนใกล้ชิด ในส่วนของผู้สูงอายุ การกอดช่วยเติมความรู้สึกอ้างว้างภายในจิตใจได้เป็นอย่างดี มีงานวิจัยพบว่าการกอดทำให้ผู้สูงอายุมีภาวะสุขภาพดีขึ้น มีความกระตือรือร้น และความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ บรรเทาความเจ็บป่วย ซึมเศร้า ความวิตกกังวล ทำให้ผู้สูงอายุต้องการที่จะมีชีวิตอยู่และรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ตามคำแนะนำของเวอร์จิเนีย ซาเทียร์ นักจิตวิทยาครอบครัวที่มีชื่อเสียงระดับโลกชาวแคนาดา ที่พบว่าการกอดวันละ 4 ครั้ง เพื่อการดำรงชีวิต วันละ 8 ครั้ง เพื่อการดำเนินชีวิต และ 12 ครั้ง เพื่อจิตใจและการเจริญเติบโตของร่างกาย
แน่นอนว่าพลังแห่งการกอดสามารถเยียวยาผู้ป่วยได้ นอกเหนือจากการรักษาด้วยวิธีการ และยาที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดความรัก กำลังใจ ความอบอุ่น ความเป็นห่วงเป็นใยไปสู่ผู้ป่วย เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยหายเร็วขึ้นและมีกำลังใจ
