back to top

“มะเร็งปอด” โรคร้ายที่มักพบเจอ เมื่อโรคเข้าสู่ระยะลุกลาม

มะเร็งปอดเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า การได้รับควันบุหรี่มือสอง การสัมผัสสารก่อมะเร็ง ได้แก่ รังสี ควันธูป ฝุ่นไม้ แร่ใยหิน หรือก๊าซเรดอน (เกิดจากการสลายตัวของธาตุเรเดียมซึ่งนำมาใช้ก่อสร้างอาคารบ้านเรือน) รวมถึงการดำเนินชีวิตท่ามกลางมลพิษและฝุ่น โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพันธุกรรมที่มีความเสี่ยง ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด และทำให้อัตราการเสียชีวิตสูง เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดของคนไทย

จากรายงานของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่ 20,659 รายต่อปี และเสียชีวิต 15,022 รายต่อปี ปอดเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์จากเลือดและสิ่งแวดล้อม การสูญเสียการทำงานของอวัยวะนี้ เช่น มะเร็งปอด มีอันตรายต่อชีวิตสูง

มะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ มะเร็งชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (Small Cell Lung Cancer) พบได้ประมาณ 10-15% และมะเร็งชนิดเซลล์ไม่ใช่ขนาดเล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer) พบได้ประมาณ 85-90%

ร.อ.นพ.สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าเพียงพอในระดับประชากร แต่มีคำแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (Low-dose CT scan)

อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพื่อลดโอกาสการเกิดโรค ทั้งนี้อาการแสดงที่มักพบบ่อยของมะเร็งปอด ได้แก่ อาการผิดปกติของการทำงานของปอด เช่น ไอเรื้อรังนานกว่า 2 สัปดาห์ ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด ปอดติดเชื้อบ่อยหรือเรื้อรัง นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการอื่นๆ เช่น เสียงแหบ เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ตาม อาการต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับมะเร็งปอดเท่านั้น อาจพบในโรคอื่นๆ ได้ ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์

พญ.ณัษฐา พิภพไชยาสิทธิ์ แพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า วิธีการตรวจวินิจฉัยหลักของมะเร็งปอด ประกอบไปด้วยการถ่ายภาพรังสี (เช่น เอ็กซเรย์ปอด เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์) ร่วมกับการตรวจหาเซลล์มะเร็งโดยการตัดชิ้นเนื้อมาตรวจเพื่อยืนยันโรค นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีการตรวจชิ้นเนื้อทางพันธุศาสตร์เพิ่มเติม (Molecular Genetic Testing) เพื่อบ่งชี้ถึงความรุนแรงของโรคและเป็นแนวทางเลือกการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการรักษาต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค รวมถึงสภาวะความแข็งแรงของผู้ป่วย

สำหรับวิธีการรักษาในปัจจุบัน ประกอบไปด้วย การผ่าตัด การฉายรังสี และ/หรือ การรักษาด้วยยา ไม่ว่าจะเป็นยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า หรือยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งอาจต้องใช้การรักษาร่วมกันหลายวิธี ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบที่เกี่ยวกับโรคและปัจจัยของผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ มะเร็งปอดถือเป็นมะเร็งที่มีความสำคัญและมีความรุนแรงสูง ส่งผลกระทบต่อชีวิต อีกทั้งการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะแรกค่อนข้างลำบาก ทำให้ประสิทธิภาพของการรักษามีข้อจำกัด ทางที่ดีที่สุด คือควรมุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา

สาเหตุหลักที่สำคัญของการเกิดมะเร็งปอดเกิดจากบุหรี่ จึงควรหยุดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่ อยู่อาศัยในสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านและที่ทำงาน สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายหากต้องสัมผัสปัจจัยเสี่ยงหรือปฏิบัติงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และหมั่นตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ