จากการสู้รบระหว่างไทย–กัมพูชาตลอดหลายวันที่ผ่านมา มีประชาชนจำนวนมากต้องอพยพเข้ามาพักอาศัยในศูนย์พักพิง ซึ่งมีกลุ่มเปราะบางรวมอยู่ด้วย ทั้งเด็กเล็ก ผู้สูงวัย และหญิงตั้งครรภ์ เมื่อมีผู้อพยพรวมกันเป็นหลักแสนคน และต้องพักอาศัยเป็นเวลานาน จึงจำเป็นต้องนำระบบคัดกรองสุขภาพมาใช้ เพื่อลดความเสี่ยงและอันตรายด้านสุขภาพ
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ขณะนี้มีผู้เข้าพักในศูนย์พักพิงเขตสุขภาพที่ 9 จำนวน 98,687 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 127 คน และเด็กเล็ก จำนวน 6,593 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
สำหรับแนวทางการดูแลหญิงตั้งครรภ์และเด็กปฐมวัยในศูนย์พักพิง จะมีการคัดกรองตั้งแต่แรกเข้า โดยแยกหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ พร้อมแบ่งระดับความรุนแรงของอาการ เพื่อให้สามารถส่งต่อผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อแม่และเด็ก

โดยแบ่งระดับความเสี่ยงออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ปกติ (สีเขียว) เฝ้าระวัง (สีเหลือง) เสี่ยงสูง (สีส้ม) และฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) สำหรับอาการสำคัญของกลุ่มสีแดง เช่น เจ็บครรภ์ น้ำเดิน เลือดออก ความดันโลหิตสูงร่วมกับอาการรุนแรง ชัก หมดสติ หรือทารกดิ้นน้อยลง ต้องส่งโรงพยาบาลและรับไว้รักษาทันที
ขณะที่กลุ่มสีส้มให้พิจารณาส่งโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ไม่ควรพักอาศัยในศูนย์พักพิง ส่วนกลุ่มสีเหลืองและกลุ่มสีเขียว ให้จัดบริการ Mobile ANC หรือการฝากครรภ์เคลื่อนที่ โดยติดตามทุก 2–4 สัปดาห์ ผ่านการวัดสัญญาณชีพ ชั่งน้ำหนัก ตรวจสุขภาพจิต ประเมินการเจริญเติบโตของทารก และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบไปโรงพยาบาล พร้อมเตรียมอุปกรณ์และระบบการแพทย์ทางไกล เพื่อปรึกษาสูติแพทย์ในกรณีจำเป็น หากพบเหตุฉุกเฉินในหญิงตั้งครรภ์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รายงานหัวหน้าศูนย์พักพิง เรียกรถพยาบาล และประสานโรงพยาบาลปลายทางเพื่อนำส่งผู้ป่วย
พญ.นงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับเด็กปฐมวัยอายุ 0–5 ปี ที่เข้าพักในศูนย์พักพิง ต้องได้รับการคัดกรองและขึ้นทะเบียน บันทึกข้อมูลผู้ดูแล ประวัติโรคประจำตัว การแพ้ยา และการได้รับวัคซีน โดยให้ความสำคัญกับ 5 มิติหลัก ได้แก่ สุขภาพร่างกาย พัฒนาการ โภชนาการ สุขภาพจิต และความปลอดภัย พร้อมเฝ้าระวังโรคติดต่อ แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติทันที และจัดระบบส่งต่อหากมีอาการรุนแรง โดยใช้ระบบ Triage เช่นเดียวกัน
กลุ่มสีแดงที่มีอาการหายใจลำบาก ซึม ชัก ไข้สูงมาก อาเจียนพุ่ง หรือมีภาวะขาดน้ำรุนแรง ต้องส่งโรงพยาบาลทันที ส่วนกลุ่มสีส้มควรพบแพทย์และติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่กลุ่มสีเหลืองสามารถดูแลในศูนย์พักพิงได้ แต่ต้องประเมินซ้ำทุกวัน และกลุ่มสีเขียวให้ดูแลตามปกติ พร้อมส่งเสริมโภชนาการและพัฒนาการตามวัย
ทั้งนี้ การวางแนวทางดังกล่าวเพื่อให้ศูนย์พักพิงทุกแห่งสามารถดูแลกลุ่มเปราะบางได้อย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและภาวะแทรกซ้อน เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็กในศูนย์พักพิงได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและเหมาะสมตามมาตรฐานสาธารณสุข


